ตำนานศาสดาพยากรณ์ นอสตราดามุส
คำทำนายของนอสตราดามุสคือจุดขายที่น่าสนใจของเขาตลอดกาลและผลจากการทำนายของเขาคือสิ่งที่ทำให้ชื่อเสียงของเขาติดอยู่ในใจของคนที่มีชีวิจอยู่ร่วมสมัยกับเขาและผ่านกาลเวลามาได้อีกกว่า400ปี
จนกระทั่งถึงวันพรุ่งนี้
ไม่แปลกที่ชื่อ(สกุล)
ที่ยอดฮิตที่สุดจากอดีตสู่ปัจจุบัน และคาดว่ายังคงเป็นชื่อยอดฮิตไปอีกกระทั่งถึงปี
2012 เพราะถือเป็นปีที่คนทั้งโลกจับตาดูลกระทบต่างๆเช่นจากสงครามที่อาจเพิ่มความรุนแรงขึ้นทุกที
จนกระทั่งมองไปถึงผลกระทบจากกายภาพของโลกเองรวมไปถึงผลกระทบต่างๆ เช่น
จากสงครามที่อาจเพิ่มความรุนแรงขึ้นทุกที จนกระทั่งมองไปถึงผลกระทบจากปรากฏการณธรรมชาติที่ส่งผลให้เกิดการขาดแคลนพืชผล เลขเด็ด จนกลายเป็นความอดอยากไปในหลายๆ
ภูมิภาคและอีกหลายประเด็นที่ทยอยเรียงหน้ากันมาให้พิสูจน์ว่าจะเป็นจริงอย่างที่นอสตราดามุส
รวมทั้งนักพยากรณ์โลกอื่นๆทำนายเอาไว้หรือไม่
จริงๆแล้วนอสตราดามุสนั้นสร้างความประทับใจในการเป็นนักพยากรณ์ที่แม่นยำของเขามาตั้งแต่สมัยที่เขายังมีชีวิตอยู่แล้ว
การที่เขาหันเหจากอาชีพอื่นๆ
ไปสู่การเป็นผู้พยากรณ์และผู้หยั่งรู้เหตุการณ์ต่างๆก็เพราะเขาทุ่มเทความสนใจไปในศาสตร์ของการพยากรณ์อย่างหนัก
ที่สำคัญเขารู้อยู่แก่ใจตัวเองดีว่าเขามีทักษะและวาทศิลป์มากพอที่จะเป็นนักพยากรณ์ที่เก่งกาจมาตั้งแต่อยู่ในช่วงวัยกลางคนแล้ว
นอสตราดามุสนั้นทุ่มเทเวลาในการศึกษาเรื่องพยากรณ์ในหลายศาสตร์ด้วยกัน
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการผูกดวงชะตา โดยดุจากวันเดือนปีเกิดการเพ่งกสิณโดยมองเพ่งลงไปในอ่างน้ำที่ทำให้เขาเห็นอนาคตได้
การมองผ่านกระจกในห้องทำงานที่ทำให้ภาพอนาคตใสกระจ่างราวกับมองผ่านจอทีวีหรือจอคอมพิวเตอร์ของคนในยุคปัจจุบัน
รวมไปถึงการวางตำแหน่งของสิ่งต่างๆในห้องทานของเขาอย่างเหมาะสมนั้น ล้วนแล้วแต่เป็นศาสตร์สำคัญที่เขาให้
ความสนใจเพื่อเพิ่มสมาธิและความแม่นยำให้กับตัวเองมาโดยตลอด
ที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่งก็คือ..นอสตราดามุสนั้นสืบเชื้อสายมาจากชนเผ่า
“อิสสะแคร์” ซึ่งเป็นชนเผ่าโบราณหนึ่งใน12เผ่าของชนชาติอิสราเอล หรือพูดง่ายๆ
ว่าเป็นลูกชาวยิวโดยสายเลือด ดังนั้น
เขาจึงได้รับการถ่ายทอดศาสตร์แห่งการพยากรณ์หลายแง่มุมจากบรรพชนของเขาเก่งและสามารถจบปริญญาทางด้านการแพทย์เท่านั้น
แต่เขายังเป็นนักอ่านตัวยง ชนิดที่ต้องเรียกว่า “หนอนหนังสือ”
ในยุคของเขาเช่นกัน
แม้ว่านอสตราดามุสจะอ่านหนังสือเกือบทุกประเภทแต่สิ่งที่เขาทุ่มเทความสนใจมากก็คือการทุ่มเทอย่างลึกซึ้งในการอ่านพระคัมภีร์ไบเบิล
หนังสือเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ชาติพันธุ์ของมนุษย์ รายงานต่างๆเกี่ยวกับนิมิต
โครงการต่างๆในอนาคตการเปรียบเทียบดวงชะตาตลอดจนความเห็นของนักคิดนักปรัชญาโบราณ
ที่ล้วนแล้วแต่มีอิทธิพลต่อชีวิตและพยากรณ์ของความรู้ในทุกแง่มุม
ซึ่งช่วยให้เขามองเห็นภาพต่างๆ
ได้ลึกขึ้นหรือลึกซึ้งโดดเด่นกว่านักพยากรณ์รายใดๆร่วมสมัยกับเขา
การพยากรณ์ของนอสตราดามุสจึงเป็นมากกวาการนิมิต
หรือมองเห็นภาพเท่านั้นแต่ประกอบด้วยศาสตร์แห่งความรู้ขั้นพื้นฐานในหลายประโนหลายแง่มุมที่รวมกันเป็นตัวตนและหนทางการพยากรณ์ของเขามากที่สุด
ผลงานการพยากรณ์เด่นๆนั้นแบ่งออกเป็นในช่วงที่เขามีชีวิตอยู่
ซึ่งแม่นเหมือนจับวางและในช่วงที่เขาตายไปแล้วก็ยังมีความโดเด่นและแม่นยำอีกเช่นกัน
เรื่องราวน่าสนใจเหล่านั้นแยกเป็นเรื่องๆโดยคร่าวๆได้ดังนี้
พยากรณ์การสิ้นพระชนม์ของกษัติย์อองรีที่
2 ของฝรั่งเศส นับต้นมานั้น นอสตราดามุสในวัย 47 ปี
ที่ได้เริ่มออกคำพยากรณ์รายปีโดยออกทุกวันปีใหม่ 1มกราคมเป็นต้นมา
และผลจากการทำนายของเขานั้น
มีอะไรหลายประการที่น่าสนใจและตรงกับความเป็นจริงอยู่เสมอ
ข่าวคราวความแม่นยำของนอสตราดามุส
ชาวฝรั่งเศสเชื้อสายยิวผู้นี้โด่งดังไปทั่วประเทศและล่วงรู้เข้าถึงพระราชสำนักและทำให้ราชินี
แคทเธอรีน เดอเมดิซิ เรียกนอสตราดามุสเข้ากรุงปารีส
เพื่อช่วยทำนายดวงชะตาของพระนางและคนใกล้ชิดหนึ่งในคำทำนายที่น่าสนใจก็คือ
นอสตราดามุสนั้นทำนายว่า “พระเจ้าอองรีที่ 2” ซึ่งเป็นกษัตริย์ฝรั่งเศสในขณะนั้น
และเป็นพระสวามีของพระนางแคทเธอรีนฯ จะต้องสิ้นพระชนน์ในระหว่างการดวลอาวุธ
การทำนายอย่างกล้าหาญครั้งนั้นถือเป็นการเสี่ยงอย่างสูง
เพราะนอกจะสร้างความไม่พอใจให้กับหลายฝ่ายแล้วทางคริสตจักรฝรั่งเศสย่อมไม่ชอบแน่ๆ
ถ้ามีใครมาอ้างถึงเรื่องพยากรณ์หรืออำนาจเหนือธรรมชาติในแผ่นดินที่นับถือคริสต์นิกายแคธอลิคแบบนั้น
คนที่ทำแบบนอสตราดามุส
หลายคนถูกกล่าวหาว่านำศาสตร์ลึกลับมาจากมนต์ดำ หรือศาสตร์พ่อมด
แม่มดและถูกมองว่าเป็นคนนอกรีตทำให้อาจจะโดนเผาทั้งเป็นตามโทษในยุคนั้นได้ง่ายๆ
แต่นอสตราดามุสนั้นคงได้ประเมินอะไรหลายด้านเรียบร้อยแล้ว จึงได้ทำนายแบบนั้นออกไป
ผลปรากฏว่าในปีค.ศ.1559
นั้น มงกุฎราชกุมารฝรั่งเศสซึ่งก็คือ เจ้าชายฟรองซัวส์ที่ 2
ซึ่งเป็นโอรสของพระเจ้าอองรีที่ 2
นั้นได้ฤกษ์อภิเษกสมรสกับเจ้าหญิงแมรี่แห่งสก๊อตแลนด์ทั้งคู่อยู่ในวัยรุ่น
ฝ่ายหญิง 16 และฝ่ายชาย 15 ชันษาตามลำดับ และในระหว่างการฉลองอภิเษกสมรสนั้นเอง
พระเจ้าอองรีที่ 2 ก็ได้ร่วมประลองยุทธ์ด้วยเพลงทวน กับมอนต์โกเมอรีย์
ผู้เป็นหัวหน้าองครักษ์ชาวสก๊อต
มอนต์โกเมอรีย์นั้นมาดุแลเจ้าหญิงแมรี่ที่ข้ามจากเกาะอังกฤษมาที่ฝรั่งเศสตามพันธะสัญญาแห่งการเตรียมอภิเษกสมรสหลายปีล่วงหน้า
ผลจากการประลองยุทธ์นั้น
ทำให้เกิดข้อผิดพลาดแหลนของฝ่ายตรงข้ามแทงเข้าที่พระเศียรของพระเจ้าอองรีที่2จนได้รับบาดเจ็บอย่างหนักและสิ้นพระชนม์ในอีก
10 วันให้หลังด้วยการทรมานเป็นอย่างยิ่งการสิ้นพระชนม์ของพระเจ้าอองรีที่ 2
ด้วยคมแหลมนั้น ตรงกับคำทำนายของนอสตราดามุสราวกับตาเห็น
และนี่คือสิ่งที่ประจักษ์ชัดเจนว่าคำทำนายของนอสตราดามุสนั้นเป็นจริงในช่วงที่เขายังมีชีวิตอยู่ในศตวรรษที่
16
ไม่ต้องสงสัยว่านอสตราดามุสจะดังไปทั่วฝรั่งเศสหรือไม่ทั้งๆที่เขาเองก็เป็นคนดังอยู่มากแล้วในขณะนั้น
แต่สิ่งที่เหนือความคาดหมายก็คือเขากลายเป็นคนที่มีคนรู้จักทั่วทั้งทวีปยุโรปในช่วงที่ยังมีลมหายใจอยู่โดยแท้
พยากรณ์เรื่องความตายของตัวเอง
คือวันที่ 1กรกฎาคม ค.ศ.1466 นั้นนอสตราดามุสอายุได้ 62 ปีกว่าๆ
แล้วเขาทราบดีว่าตัวเองจะมีลมหายใจได้ถึงเมื่อไหร่
และทั้งที่เขามีอาการเจ็บข้อด้วยโรคเก๊าท์มาหลายปี รวมถึงร่างกายมีอาการบวมน้ำอยู่บ้าง
แต่นั้นไม่ใช่เรื่อง ที่จะทำให้เขาต้องตายไปง่ายๆนัก
อย่างไรก็ตาม
นอสตราดามุสมีโอกาสคุยกับฌอง เดอ ชาวิกนี่ ซึ้งเป็นเลขาฯ
ของเขาด้วยอาการเคร่งครึมว่า “คุณจะไม่เห็นผมมีชีวิตอยู่เมื่อพระอาทิตย์ขึ้น”
และเมื่อถึงเช้าวันรุ่งขึ้น
ซึ่งก็คือวันที่ 2 กรกฎาคม ค.ศ.1566 นั้น
ร่างที่ไร้ลมหายของนอสตราดามุสก็นอนแผ่อยู่ที่พื้นระหว่างเตียงนอนกับม้านั่งยาว
ต่อมาร่างของเขาถูกฝังิยู่ที่โบสถ์ฟรานซิสกัน
ในเมื่องซาลง และจากนั้ในช่วงที่มีการปฏิวัติฝรั่งเศส
ร่างของเขาถูกนำไปฝังยังสถานที่แห่งใหม่ซึ่งก็คือ Collegiale Saint Laurent
หรือวิหารแซงโลรองต์กระทั่งทุกวันนี้
เรื่องที่น่าทึ่งเกี่ยวกับนอสตราดามุสเดินทางออกไปศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมนอกเหนือจากที่ได้จากฝรั่งเศสเท่านั้น
เขาได้มุ่งไปยังอิตาลี และช่วงนี้เองที่เขาได้พบกับพระบาทหลวงะรรมดองค์หนึ่ง
ชื่อว่าบาทหลวงฟรานซิส
เขาเกิดนิมิตบางอย่างขึ้นมาขณะนั้นจนถึงขั้นก้มลงทำความเคารพบาทหลวงผู้มีพื้นเพต่ำต้อยผู้นั้นทันที
ท่ามกลางเสียงหัวเราะของผุ้คนรอบด้านที่เห็นเขาให้ความเคารพบาทหลวงฟรานซิสถึงขั้นพินอบพิเทาเป็นพิเศษ